เกิดเหตุระเบิดขั้นถึง 2 ครั้ง ณ เมืองหลวงของประเทศโซมาเลีย วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 200 คน และในขณะเดียวกันก็มีประชาชนหลายพันคน ทนต่อเหตุการณ์รุนแรงไม่ไหว รวมตัวกันออกมาเดินขบวนเพื่อประนามเหตุระเบิดในครั้งนี้
วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560 สำนักสื่อของประเทศ ออกมารายงานความคืบหน้าสถานการณ์เหตุระเบิดครั้งรุนแรง ณ ใจกลางกรุง Muqdisho พบยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างต่ำ 230 คน และบาดเจ็บกว่า 300 คน อีกทั้งยังพบว่าผู้เสียชีวิตสามารถเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายชีวิต โดยนี้เกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งคนร้ายทำการซุกซ่อนระเบิดเอาไว้ในรถบรรทุกคันหนึ่ง แต่ตำรวจก็สามารถตรวจพบได้ เพราะพบท่าทีมีพิรุธจึงได้ติดตามไปอย่างลุ้นระทึก แต่เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามจะทำการเข้าสกัด ผู้ขับรถเกิดไหวตัวทันพร้อมรีบจุดชนวนระเบิดทันที ทำให้เกิดการระเบิด ณ บริเวณหน้าทางเข้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในย่านผู้คนหนาแน่น เกิดเสียงดังลั่นได้ยินไปไกลหลายกิโลเมตร ทางด้านชาวบ้านในละแวกนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ‘เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นเหตุระเบิดอันรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี’ สถานการณ์กลับเลวร้ายขึ้นไปอีก เพราะมีรายงานถึงเหตุระเบิดครั้งที่ 2 โดยเกิดขึ้นอยู่ไม่ห่างจากจุดซึ่งเกิดการโจมตีครั้งแรก ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 2 คน
ประธานาธิบดี โมฮาเหม็ด อับดุลลาฮี ฟาร์มาโจ ออกแถลงการณ์ไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ 3 วัน และลดธงชาติลงครึ่งเสา อีกทั้งยังออกประกาศด้วยว่า ‘กลุ่มก่อการร้ายจะไม่มีวันชนะอย่างแน่นอน’ นอกจากนี้กลุ่มอัล-ชาบับ สาขาย่อยของกลุ่มอัลกออิดะห์ มักจะเลือกเป้าเป้าหมายสำคัญๆ มากกว่า อีกทั้งเหตุการณ์นี้ยังเกิดขึ้น 2 วันก่อนที่ ผู้บัญชาการแห่งสหรัฐฯ ซึ่งตั้งจุดยุทศาสตร์อยู่ในภูมิภาคแอฟริกา จะเดินทางมาเพื่อเข้าประชุมกับประธานาธิบดีโซมาเลีย ด้วยความเศร้าโศกทำให้ประชาชนในกรุงโมกาดิชู ประมาณ 2 พันคน ออกมาเดินขบวนตามท้องถนน พร้อมโพกผ้าสีแดง หมายประท้วงเหตุรุนแรงอันพรากชีวิตบริสุทธิ์ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นในต่างพื้นที่กัน โดยจุดแรกเกิดขึ้น ณ ด้านนอกของโรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นบริเวณ 4 แยกใหญ่ซึ่งมีอาคารสำนักงานสำคัญๆ ตั้งอยู่มากมาย ส่วนลูกที่ 2 เกิดขึ้นใน 2 ชั่วโมงต่อมา ณ ย่านเมดีน่า อันมีผู้คนพลุกพล่าน ทั้ง 2 เหตุการณ์มีกระบวนการเกิดขึ้นแบบเดียวกัน นั่นคือการซุกซ่อนระเบิดไว้ในรถบรรทุกก่อนผู้ขับจะสละชีพ นับเป็นเหตุรุนแรงที่สุด เท่าที่เคยมีมาในกรุง Muqdisho
